21 ตุลาคม 2552

ทัศนศึกษา



ประวัติพิพิธภัณฑ์เมืองอุดรธานี

ตั้ง อยู่ริมถนนโพศรี ใกล้วัดโพธิสมภรณ์ ตัวอาคารสร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ.2463
โดยดำริพระยาศรีสุริยราชวรรานุวัตร สมุหเทศาภิบาล สำเร็จราชการมณฑลอุดร
คุณหญิง ข้าราชการ พ่อค้าและประชาชนในจังหวัด เพื่อใช้เป็นอาคารเรียนสำหรับ
โรงเรียนนารีอุปถัมภ์ สร้างเสร็จเมื่อ พ.ศ. 2468
ต่อมาพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ
พระราชทานนามโรงเรียนขึ้นใหม่ว่า “ราชินูทิศ” จึงเป็นชื่อเรียกอาคารหลังนี้สืบมา
อาคารราชินูทิศได้ใช้เป็นอาคารสำนักส่งเสริมวัฒนธรรมหญิง
เมื่อพ.ศ. 2473 และเมื่อปีพ.ศ. 2503 ใช้เป็นสำนักโครงการพัฒนาการศึกษาส่วนภูมิภาค
จนต่อมาพ.ศ. 2516 ได้ใช้เป็นอาคารสำนักงานศึกษาธิการเขต เขตการศึกษา 9
และสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดอุดรธานี และในปีพ.ศ. 2547
จังหวัดอุดรธานีได้มอบหมายให้เทศบาลนครอุดรธานี เป็นผู้ดูแลรักษา





อาคารราชินูทิศเป็นอาคาร 2 ชั้น ก่อด้วยอิฐถือปูน รูปทรงแบบตะวันตก
หลังคาทรงปั้นหยา หน้าต่างโค้ง มีมุขยื่นออกมาด้านหน้าซุ้มประตู
ปัจจุบันได้ปรับปรุงอาคารดังกล่าวนี้เป็นพิพิธภัณฑ์เมืองอุดรธานี
จัดแสดงเรื่องราวต่างๆเกี่ยวกับจังหวัดอุดรธานีนับตั้งแต่ประวัติศาสตร์
โบราณคดี ธรรมชาติวิทยา ธรณีวิทยา ประวัติศาสตร์ท้องถิ่น และศิลปวัฒนธรรม
รวมถึงพระประวัติและพระเกียรติคุณของกรมหลวงประจักษ์ศิลปาคม ผู้ก่อตั้งเมืองอุดรธานี

ภาพกิจกรรมการไปทัศนศึกษา



























9 ตุลาคม 2552

แผนการสอน

แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๕
กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔
หน่วยการเรียนรู้ที่ ๓ การขยายพันธุ์พืช เวลาเรียน ๔ ชั่วโมง
เรื่อง การขยายพันธุ์พืชอวบน้ำ เวลาเรียน ๑ ชั่วโมง
.................................................................................
ความคิดรวบยอด
การขยายพันธุ์ คือการเพิ่มจำนวนหรือปริมาณของพืชที่เราต้องกรรให้มากขึ้น การขายพันธุ์นั้น

มาตรฐานการเรียนรู้ช่วงชั้นที่ ๑ : มาตรฐาน ง ๑.๑ , ง ๑.๒

ผลการเรียนรู้ที่คาดหวัง
๑. นักเรียนสามารถขยายพันธุ์พืชอวบน้ำได้

จุดประสงค์การเรียนรู้
๑. นักเรียนบอกวิธีขยายพันธุ์พืชอวบน้ำได้
๒. นักเรียนบอกส่วนของพืชอวบน้ำที่จะนำมาขยายพันธุ์ได้

กระบวนการจัดการเรียนรู้
ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน
๑. นักเรียนทำแบบทดสอบก่อนเรียน
๒. ครูเปิดวีดีโอ เรื่องการขยายพันธุ์พืชให้นักเรียนดู
๓. ครูสาธิตวิธีการขยายพันธุ์ ไม้อวบน้ำให้นักเรียนดู เพื่อให้เห็นของจริง
โดยระหว่างสาธิต ครูอธิบายถึงอุปกรณ์ วิธีการ ขั้นตอน ที่ใช้ขยายพันธุ์
๔. นักเรียนทำแบบทดสอบหลังเรียน

ขั้นสรุป
นักเรียนและครูร่วมพูดคุยสรุปความรู้ที่ได้รับจากการเรียนเรื่องการขยายพันธุ์พืชอวบน้ำ

การวัดและประเมินผล
๑.ครื่องมือวัดผล
๑.๑ แบบทดสอบก่อนเรียน
๑.๒ แบบทดสอบหลังเรียน
๑.๓ แบบสังเกตพฏติกรรมอันพึงประสงค์
๒.วิธีวัด
๒.๑ ตรวจแบบทดสอบก่อนเรียน
๒.๒ สังเกตพฏติกรรม

๓. เกณฑ์การประเมินตามสภาพจริง
๓.๑ จากแบบทดสอบหลังเรียน
ผ่านเกณฑ์ = ๑
ไม่ผ่านเกณฑ์ = ๐

๓.๒ จากใบงาน
ดีมาก = ๔
ดี = ๓
พอใช้ = ๒
ผ่านเกณฑ์ = ๑

๓.๓ การสังเกตพฤติกรรมและคุณลักษณะที่พึงประสงค์
สนใจ ตั้งใจเรียน ดี = ๔
สนใจ ตั้งใจเรียน = ๓
สนใจ = ๒
สนใจ บ้าง = ๑

ใบความรู้
การขยายพันธุ์ไม้อวบน้ำ
การตัดชำ (Cutting) หมาย ถึง การตัดส่วนหนึ่งส่วนใดของพืช
แล้วนำไปปักไว้ในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม เช่น ปักไว้ในที่มีความชุ่มชื้นหรือแช่ไว้ในน้ำ
ส่วนนั้นจะสามารถเกิดราก และแตกยอด กลายเป็นพืชต้นใหม่ได้ ซึ่งจะมีคุณสมบัติและ
คุณลักษณะเหมือนต้นแม่ทุกประการ
การ ตัดชำ จะมีความหมายเดียวกับ การปักชำ แต่เป็นที่น่าสังเกตว่า การปักชำ
จะใช้กับส่วนที่เป็นลำต้น กิ่ง หรือใบพืช ที่นำไปปักลงในวัสดุชำ เพื่อให้เกิดรากเท่านั้น
ดังนั้น ความหมายของคำว่า ตัดชำ จึงกว้างกว่า ปักชำ เพราะสามารถใช้ได้ทั้งส่วนที่
อยู่บนดิน เป็น ลำต้น กิ่ง และใบ และส่วนที่อยู่ใต้ดิน เป็น ราก เหง้า แง่ง และหัวพืช
การตัดชำ มีความสำคัญ คือ สามารถทำได้ง่าย และเพิ่มปริมาณพืชได้รวดเร็ว ใช้ต้นทุนต่ำ
และได้พันธุ์ไม้ที่ตรงตามพันธุ์เดิมการตัดชำพืชอวบน้ำ เป็นวิธีการตัดชำพืชที่เป็นไม้เนื้ออ่อน
ประเภทอวบน้ำ ส่วนใหญ่ใช้กับไม้ดอกไม้ประดับ เช่น ฤาษีผสม แพรเซี่ยงไฮ้ กุหลาบหิน
แคคตัส บีโกเนีย เป็นต้น ซึ่งวิธีที่นิยมใช้ในการขยายพันธุ์พืช อวบน้ำนี้นิยมใช้การปักชำใบ
หรือยอด
การตัดชำใบ (Leaf Cutting) แบ่งออกเป็น
(1) การตัดชำแผ่นใบ
การตัดชำใบกับก้านใบการตัดชำแผ่นใบ เป็น การตัดใบไปปักชำทั้งใบ
โดยวางแผ่นใบให้หงายขึ้น แล้วใช้วัสดุชำ กลบขอบใบเล็กน้อย จะเกิดราก
และต้นใหม่บริเวณขอบใบมากมาย นิยมใช้ขยายพันธุ์พืชประเภท
โคมญี่ปุ่น กุหลาบหิน เป็นต้น
การตัดชำแผ่นใบ มีขั้นตอน ดังนี้
1. เลือกแผ่นใบที่เจริญเต็มที่
2. วางแผ่นใบหงายขึ้นในวัสดุชำที่ชื้น
3. สังเกตพืชต้นใหม่ที่เกิดขึ้นตามจักใบ
4. พืชต้นใหม่เจริญและแข็งแรง จึงย้ายปลูก

(2) การตัดชำใบกับก้านใบ เป็นการตัดใบไปปักชำ โดยให้ก้านใบติดไปด้วย
ใช้ได้ผลดีกับพืชประเภท เปปเปอร์โรเมีย ก้ามปูหลุด เป็นต้นการตัดชำใบกับก้านใบ
มีขั้นตอน ดังนี้
1. เลือกใบที่สมบูรณ์และเจริญเต็มที่
2. ใช้กรรไกรตัดก้านใบให้เหลือ ประมาณ 1 นิ้ว
3. ปักลึกเพียงเล็กน้อยในวัสดุชำที่ชื้น
4. พืชต้นใหม่เจริญและแข็งแรงดี จึงย้ายปลูก
ตัวอย่างการขยายพันธุ์แคคตัสโดยวิธีการปักชำ
เป็นวิธีที่ง่ายที่สุดและเป็นที่นิยม เป็นการขยายพันธุ์โดยใช้ส่วน ของหน่อมาขยายพันธุ์ ซึ่งการขยายพันธุ์ทำได้ดังนี้
1. ใส่ถ่านรองไว้ที่ก้นกระถาง


2. ใส่ดินที่ผสมแล้ว ( ดินร่วน แกลบเผา ทราย )


3. นำต้นไม้ที่จะนำมาปักชำ จัดเป็นกลุ่มให้ดูสวยงาม


4. นำต้นไม้ไปปักไว้ในดินที่เตรียมไว้


5. ขั้นตอนสุดท้าย โรยกรวด ปิดด้านบนกระถาง เพื่อตกแต่งให้สวยงาม







งานถ่ายภาพ

โคสอัพ

รูปแบบ



ลักษณะพื้นผิว








สมดุลย์ที่เท่ากัน







สมดุลย์ไม่เท่ากัน




เส้นนำสายตา






7 กันยายน 2552

สื่อทางเสียง

จัดทำโดย
นางสุธีรา มงคล
นางบัวสอน ชาวกล้า
นางธัญธรณ์ แจคำ
นางสาวศิริรัตน์ สุวรรณ
นางสาวศุภัคษร พรหมสิทธิ
นางสาวสุพรรษา คำพันธ์
...............................
สื่อการเรียนการสอน หมายถึง ตัวกลางหรือช่องทางในการถ่ายทอดองค์ความรู้ทักษะประสบการณ์จากแหล่งความรู้ไปสู่ผู้เรียน และทำให้เกิดการเรียนรู้อย่างมีประสิทธิ์ภาพ สื่อทางเสียงนับเป็นสื่อสำคัญอีกอย่างหนึ่งในการเรียนการสอนเนื่องจากครูผู้สอนสามารถทำให้นักเรียนเข้าใจมากกว่าการเห็นภาพเพียงอย่างเดียวการใช้สื่อทางเสียงช่วยในการจัดการเรียนการสอนจำเป็นต้องมีเครื่อง
มือประเภทโสตทัศนูปกรณ์เข้ามาร่วมด้วยเช่น เครื่องเสียง ไมโครโฟน โสตวัสดุ เช่น เครื่องบันทึกเสียง เครื่องรับวิทยุ เครื่องเล่นแผ่นเสียง แผ่นเสียง เป็นต้น
เครื่องเสียง เครื่องเสียงมีลักษณะที่เป็นอุปกรณ์ที่เป็นสื่อผ่านตัวกลางหรือผ่านตัวใน การถ่ายทอดเนื้อหาประเภทเสียงจากมนุษย์และแหล่งกำเนิดเสียงต่างๆให้มีเสียงดังเพิ่มมากขึ้นเพื่อให้ได้ยินระยะไกลและเพิ่มความดัของเสียงเพื่อให้ผู้ฟังจำนวนมากได้ยินอย่างชัดเจน
องค์ประกอบของเครื่องเสียง ประกอบด้วยภาคสัญญ่ณเข้า(ไมโครโฟน) ภาคขยายสัญญาณสัญญาณ ภาคสัญญาณออก(ลำโพง)
เครื่องเทปเสียง เครื่องเทปเสียงเป็นอุปกรณ์ในภาคสัญญาณเข้า เพื่อบันทึกเสียงต่างๆลงบนแถบเทปผ่านหัวเทปโดยใช้การเคลื่อนที่ของแถบเทปผ่านหัวเทปซึ่งอาศัยหลักทึการเหนี่ยวนำของคลื่นไฟฟ้าความถี่เสียง เมื่อบันทึกเสียงแล้วจะมีการนำมาเล่นเพื่อส่งไปยังภาคขยายศัญญาณและถ่ายทอดเป็นคลื่นเสียงธรรมชาติให้ได้ยินต่อไป
ประเภทของเครื่องเทปเสียง เครื่องเทปเสียงแบ่งออกเป็น 4 ประเภทตามลักษณะของตลับเทป ได้แก่
1. แบบม้วนเปิด (open reel) เป็นเทปบันทึกเสียงที่ให้คุณภาพเสียงดีเหมาะสำหรับการใช้งานระดับมืออาชีพ เช่น เสียงดนตรี รายการวิทยุ เป็นต้น
2. แบบกล่อง (cartridge) หรือเรียกทับศัพท์ว่า "เทปคาทริดจ์"เป็นเทปที่บรรจุอยู่ในกล่องมีขนาดความกว้างของเทป 1/4 นิ้ว พันเป็นวงปิดระหว่างวงล้อ 2 วง โดยจะมีการเล่นเทปวนซำไปมาไม่รู้จบ เทปแบบนี้นิยมใช้ในงานสปอตวิทยุ
3. แบบตลับคาสเซ็ต (cassette) เป็นเทปบันทึกเสียงที่อยู่ในตลับพลาสติกแบนเป็นที่นิยมใช้กันทั่วไปมีขนาดความกว้างแถบเทป 1/8 นิ้ว
4. แบบตลับคาสเซ็ตเล็ก (micro cassette) มีลักษณะเช่นเดียวกับเทปคาสเซ็ตธรรมดาแต่บรรจุในขนาดเล็กกว่ามีความยาวในการเล่นเพียง 15 นาที่เท่านั้น
การใช้งาน เครื่องเทปเสียงจะมีขั้นตอนสำคัญในการใช้งาน 3 ลักษณะ
1. การบันทึกเสียง (record) เครื่องเสียงเทปไม่ว่าประเภทใดก็ตาม จะมีการบันทึกแผ่นเสียงลงบนแถบเทปโดยอาศัยหลักการเดียวกันคือ คลื่นเสียงที่ป้อนเข้าไมโครโฟนซึ่งเป็นตัวส่งสัญญาณไฟฟ้าจะถูกเปลี่ยนแปลงเป็นกระแสไฟฟ้าความถี่เสียงแล้วขยายโดยเครื่องขยายเสียงให้มีกำลังแรงขึ้นเพื่อส่งไปยังหัวเทปซึ่งมีลักษณะเป็นขดลวดพันรอบแกนเหล็ก
2. การเปิดฟัง (play back) เป็นการนำแถบเทปที่มีการบันทึกเสียงแล้วในรูปของพลังงานแม่เหล็กไฟฟ้าเปิดฟังในขณะที่แถบเทปเคลื่อนผ่านหัวเทปจะทำให้เกิดกรกะแสไฟฟ้าความถี่เสียง แล้วส่งต่อไปยังเครื่องขยายเสียง
3. การลบเทป (erase) เป็นการลบเสียงที่มีการบันทึกไว้แล้วโดยให้แถบเทปเคลื่อนที่ผ่านหัวเทปหรือสนามแม่เหล็กที่มีกำลังสูง ซึ่งจะทำให้โมเลกุลแม่เหล็กบนแถบเทปถูกทำให้เป็นระเบียบใหม่แล้วจะทำให้เสียงที่ถูกบันทึกไว้แล้วหายไป
ตังอย่างสื่อทางเสียง
1.วิทยุ
วิทยุ เป็นสื่ออุปกรณ์ที่ใช้ในการสื่อสารรับส่งข่าวสารข้อมูลทางเสียงดดยใช้คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าโดยไม่ต้องใช้สาย การใช้วิทยุเพื่อเป็นสื่อมวลชนเพื่อเป็นการศึกษาในประเทศไทยเริ่มขึ้นในปี
พ.ศ2497 โดยใช้วิทยุในการศึกษาทั้งในระบบและนอกระบบดรงเรียน ถ้าเป็นการศึกษาในระบบโรงเรียนจะเรียกว่า"วิทยุโรงเรียน" ถ้าเป็การสึกษานอกระบบโรงเรียนจะเป็นในลักษณะ"วิทยุไปรษณีย์" ซึ่งเราเรียกวิทยุเพื่อการศึกษานี้ว่ารวมกันว่า "วิทยุศึกษา"
การใช้วิทยุเพื่อการศึกษา
การใช้วิทยุเพื่อการศึกษาสามารถนำมาใช้ในรูปแบบต่างๆได้แก่
1.การสอนโดยตรงเป็นวิทยุที่ใช้เพื่อสื่อการสอน โดยตรงในบางวิชาหรือบางตอนของบทเรียนรายการวิทยุที่ใช้สอนจึงเป็นการเสนอเนื้อหาตามบทเรียนในหลักสูตร บทเรียนการสอนทางวิทยุโดยตรงนี้อาจใช้ได้ในสถานที่ ที่ขาดแคลนครู หรือครูผู้สอนอาจไม่มีความเชี่ยวชาญในเรื่องนั้นเพียงพอก็ได้ จึงต้องใช้รายการวิทยุแทน การสอนโดยใช้วิทยุสามารถกระทำได้ดังนี้
ก.ใช้เป็นเครื่องมือในการสอน โดยผู้สอนจะวางแผนการสอนโดยนำรายการวิทยุเข้าในกระบวนการสอนด้วย หรือการใช้วิทยุเป็นสื่อเข้ามามีบทบาทเพื่อสอนเรื่องใดเรื่องหนึ่งแทนผู้สอนโดยตรงในห้องเรียน ซึ่งผู้สอนจะต้องศึกษาจากตารางเวลาออกอากาศที่กำหนดไว้เพื่อนำรายการนั้นมาสอนให้ตรงเวลาของตน
ข.ใช้เป็นแหล่งการเรียนรู้ เป็นการบันทึกเสียงรายการวิทยุที่ใช้สอนในบทเรียนต่างๆไว้ในเทปเสียงแล้วรวบรวมไว้ในห้องสมุด เพื่อให้ผู้เรียนสามารถยืมออกไปเปิดฟังและศึกษาด้วยตนเองเพื่อการเรียนรู้ หรือาจใช้เพื่อทบทวนบทเรียนและสอนเป็นกลุ่มย่อยก็ได้
ค.ใช้เพื่อเป็นสื่อหลักในการศึกษาตามหลักสูตร ด้วยการจัดการสอนแก่ผู้เรียนในระบบการศึกษาแบบทางไกล โดยให้ผู้เรียนฟังรายการสอนจากวิทยุเป็นหลักและการศึกษาเพิ่มเติมจากสื่ออื่นๆเช่น สื่อสิ่งพิมพ์หรือการพบกลุ่ม เพื่อเสริมความรู้จากบทเรียนที่ได้ฟังมา
ง.เพื่อเสริมในการศึกษาระบบเปิด ด้วยการใช้รรายการววิทยุเพื่อเป็นสื่อส่งเสริมประเภทหนึ่งในระบบการศึกษาทางไกล โดยใช้ร่วมกับสื่ออื่นๆเช่น โทรทัศน์หรือสิ่งพิมพ์เป็นต้น
จ.ใช้เป็นอุปกรณ์ในการฝึกอบรม เป็นการใช้รายการวิทยุหรือเทปบันทึกเสียงรายการนั้นๆเพื่อการสอนหรืออบรมในหน่วยงาน
2.การเพิ่มคุณค่าในการสอน เป็นการใช้รายการวิทยุเพื่อปรุงแต่งและเสริมคุณค่าของการสอนในบางวิชาให้มีประสิทธิผลสูงขึ้น โดยการเสนอรายการที่เกี่ยวข้องกับหลักสูตรหรือบทเรียนนั้นให้ผู้เรียนฟังเพื่อให้มีความรู้ความเจในสิ่งที่เรียนนั้นแตกฉานยิ่งขึ้น เช่น การสอนภาษาต่างประเทศโดยพูดจากเจ้าของภาษา การบรรเลงดนตรี เป็นต้น
วิทยุดรงเรียนคืออะไร
วิทยุดรงเรียนป็นสื่อการเรียนการสอนอย่างหนึ่ง ซึ่งจัดเป็นบริการสื่อเพื่อการศึกษา สำหรับโรงเรียนประถมศึกษา และมัธยมศึกษาทั่วประเทศ วิทยุดรงเยนเป็นสื่อผสมกล่าวคือเป็นการใช้สื่อวิทยุกระจายเสียงประกอบกับสื่อสิ่งพิมพ์ คือ คู่มือการสอนของครู บัตรภาพ บัตรคำ สำหรับนักเรียนด้วย เนื้อหาของวิทยุโรงเรียนได้จัดให้สอดคล้องกับเนื้อหาตามหลักสูตรของกระทรวงศึกษาธิการปัจจุบันวิทยุโรงเรียนจัดทำบทเรียนรายวิชาต่างๆสำหรับระดับประถมศึกษาทุกกลุ่ม
ประวัติการดำเนินงานโครงการวิทยุโรงเรียน
ความเป็นมา กระทรวงศึกษาธิการได้ดำเนินงานจัดตั้งโครงการบริการวิทยุกระจายเสียงเพื่อการศึกษาตั้งแต่ปี พ.ศ.2497 โครงการนี้มรนโยบายใช้วิทยุเป็นสื่อนำวิทยาการใหม่ๆทั้งนี้โดยกำหนดการจัดรายการเป็น 2 ภาคคือ